วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครอบครัวแสนสุข

ครอบครัวแสนสุข
คำว่าครอบครัวจะประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกๆ และคำว่าครอบครัวจะทำให้เราได้คำนึงถึง พ่อ แม่ พี่ น้อง ครอบครัวเป็นคำที่สามารถทำให้เรามีความสุข มีกำลังใจ และประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน อย่างเช่นในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมต่างๆ เมื่อเราจะทำอะไรบางสิ่งบางอย่างถ้าเรานึกถึงครอบครัวที่อบอุ่น หรือ นึกถึงตอนที่ครอบครัวมีความสุขมากที่สุด เราก็จะมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป โดยที่ไม่มีคำว่าท้อ
                ครอบครัวเปรียบเสมือนยาชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้เราทำอะไรบางสิ่งบางอย่างได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และครอบครัวก็สามารถให้กำลังใจแก่เรา ซึ่งครอบครัวนั้นจะประกอบไปด้วย พ่อ แม่ พี่ น้อง และคนอื่นๆ อย่างเช่น ปู่ ย่า ตา ยาย และครอบครัวของฉันก็มีทั้งหมด ๖ คนด้วยกัน มีพี่ชายสองคน มีน้องชายหนึ่งคน และดิฉันก็เป็นคนที่สาม พี่ชายคนโตชื่อ นายรุสลัน โตะเจะแว พี่ชายคนที่สองชื่อ นายซุลกิฟลี โตะเจะแว ส่วนน้องชายก็ชื่อ เด็กชายมูซัมมี โตะเจะแว ตอนนี้น้องชายกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านบีติง อำเภอ กะพ้อ จังหวัด ปัตตานี
                ฉันรักครอบครัวของฉันมาก และฉันก็อยากทำอะไรดีๆสำหรับครอบครัวของฉันบ้าง ครอบครัวของฉันต่างกันแบ่งหน้าที่ทำงานบ้านอย่างขมักเขม้นพ่อและแม่ของฉันมีหน้าที่ทำงานสวน น้องชายก็มีหน้าที่ให้อาหารไก่และปลา พี่ชายคนที่สองมีหน้าที่เลี้ยงแพะเลี้ยงแกะ ฉันก็มีหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน ถูบ้านเพื่อให้สะอาดน่าอยู่ทุกวัน ส่วนพี่ชายคนโตก็ไม่อยู่ที่บ้านเพราะตอนนี้เขากำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ บางวันถ้าฝนตกหนักพ่อกับแม่ก็ไม่ไปกรีดยาง เราก็จะได้อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันและได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ฉันรักครอบครัวของฉันมาก และฉันก็อยากทำความฝันให้เป็นจริงเพื่อที่จะได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ที่ส่งเรามาเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ฉันประทับใจที่สุดในชีวิตก็คือ การที่ลูกๆได้ทำดีต่อพ่อแม่ อย่างเช่น ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ช่วยแม่ล้างจาน ช่วยสอนน้องทำการบ้าน เป็นต้น การที่เราช่วยเหลือพ่อแม่จะทำให้เรามีความสุข และเราก็ต้องเป็นคนที่ขยันเรียน กตัญญูต่อพ่อแม่ และทำในสิ่งที่อัลลอฮสั่ง อย่างเช่น ละหมาดให้ครบ ๕  เวลา ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เป็นต้น แค่นี้ฉันก็รู้สึกประทับใจแล้วค่ะ
สำหรับดิฉันครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจที่ฉันประทับใจมากที่สุด ถ้าวันไหนที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งแล้ววันนั้นแหละที่เราจะเสียใจมากที่สุด และดิฉันก็ขอบอกว่าถ้าใครที่ไม่เคยทำให้ครอบครัวมีความสุข คุณก็รีบๆทำก่อนที่จะขาดใครคนใดคนหนึ่งไปจากครอบครัว
แหล่งที่มา:http://www.oknation.net/blog/darunsat/2012/07/10/entry-2

ครอบครัวพอเพียง

 ครอบครัวพอเพียง
  • จากจุดเริ่มต้นกิจกรรมโครงการใสสะอาด พอเพียง เพื่อพ่อ สู่สถานศึกษา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของครอบครัวพอเพียงไปพร้อมกัน ครอบครัวที่มีสมาชิกรวม ๕ คน ประกอบด้วย คุณพ่อ ชื่อพอเพียง คุณแม่ชื่อ เป็นสุข ลูกชายคนโต ชื่ออยู่เย็น ลูกสาว คนที่สอง ชื่ออยู่ดี และลูกสาวคนสุดท้อง ชื่อ น้องมีสุข  และในปีแรกของกิจกรรมโครงการฯได้รับการตอบรับเข้าร่วมโครงการฯ จากสถานศึกษา ๒๖ แห่ง ทำให้เรามีสมาชิกครอบครัวพอเพียง ซึ่งเป็นน้องๆระดับมัธยมปลาย หญิง-ชาย ทั้งสิ้น กว่า ๓,๐๐๐ คน
             จากความต้องการพื้นที่ข่าว เพื่อการประชาสัมพันธ์โครงการฯและประชาสัมพันธ์บทความที่มาก
ด้วยสาระและองค์ความรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน ครูบนดอยและเหล่าอาสาที่มาแต่งแต้มสีสรรค์ ให้กับ
นิตยสารเล่มนี้ กิจกรรมมากมายที่เราได้ทำร่วมกันนั้นในแต่ละแห่ง แต่ละที่ เราจึงนำมาเผยแพร่
ประชาสัมพันธ์ ในนิตยสารรายเดือน ชื่อ ครอบครัวพอเพียง โดยความเห็นชอบจาก คณะกรรมการมูลนิธิ
ประเทศไทยใสสะอาด โดยมีท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิฯ รับเป็นประธานดำเนินการ ผลิต
สื่อรายเดือน และวางจำหน่าย ในราคา เล่มละ ๒๐ บาท ตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป และอีกส่วนหนึ่ง
ผลิตเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน แก่เด็กที่เข้าร่วมโครงการฯ
             วัตถุประสงค์หลักของการผลิตสื่อรายเดือนฉบับนี้คือ ทุกฉบับจะนำพระราชดำรัส ใน พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในด้านต่างๆมาลง เพื่อความเข้าใจ และเกิดสำนึกได้จากพระราชดำรัส เพื่อ
ประโยชน์ เพื่อความสุขของประชาชน และในทุกฉบับจะมีเรื่องราวมากมายจากโครงการพระราช
กรณียกิจใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งล้วนแล้วมีประโยชน์และมีคุณอนันต์ต่อประชาชน เพื่อ
เผยแพร่แก่เด็กและประชาชนให้ได้มีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่พระองค์ทรงเพียร เพื่อประชาชน             บทความที่สำคัญจากการสัมภาษณ์ บุคคล ทุกวัย ทุกส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีนัยยะเพื่อการเรียนรู้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการผลิตสื่อรายเดือนฉบับนี้

            จาก “ครอบครัวพอเพียง” ภาษาไทยตรงๆ ที่น่าจะเข้าใจได้ กลับไม่ได้รับการตอบรับจาก
แผงผู้ค้าหนังสือทั่วไปสักเท่าใด จนมาใน ฉบับที่ ๕๓ คือใช้เวลาถึง ๔ ปี ๕ เดือน คณะทำงานจึงเห็น
พ้องต้องกันว่า ต้องปรับปก และปรับราคา เป็น ๔๐ บาท เพื่อให้เพียงพอต่อค่าผลิต
         จึงนำผลลัพธ์ของ ความพอเพียง พอประมาณ ในทุกๆส่วน การใช้เหตุผลในทุกๆด้านของการ
ดำเนินชีวิต การบริหารงาน บริหารองค์กร ความจำเป็นที่ต้องมีภูมิคุ้มกันและสร้างภูมิต้านทานในครอบครัว ในบริษัท ห้างร้าน และองค์กร ทุกๆองค์กร เพื่อการรองรับ การเปลี่ยนแปลง ทั้งทางด้านศาสนา วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ที่บางครั้ง เราไม่ได้เป็นคนกำหนด ให้มีความเข้มแข็งอยู่เสมอ ความรู้ซึ่งสำคัญต่อชีวิตทุกผู้ ทุกนาม ความรู้ที่ต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้เท่าทันต่อโลกในยุคโลกาภิวัตน์ และเพื่อความเจริญในชีวิต , ธุรกิจและการบริหารประเทศให้ก้าวทันต่อโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี และคุณธรรม ที่ต้องมีในจิตใจในบุคคลทุกคน คุณธรรมในการบริหารบ้านเมือง บริหารองค์กร ซึ่งสำคัญมาก จากหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นี้จะนำไปสู่ความสุขที่ ความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน ในทุกๆคน ทุกๆที่ สุดท้ายมติความเห็นชอบของคณะทำงานจึงหยุดอยู่ที่ 


IS AM ARE
Sufficiency Economy Family
          แปลเป็นไทยได้ความหมายชัด คือ “ เป็น อยู่ คือ ” ครอบครัวพอเพียง ดีไซน์ปก แบบที่ตลาดต้องการ คือภาษาอังกฤษ ครึ่งหนึ่ง ไทยครึ่งหนึ่ง และเน้นดาราที่มีจิตใจงดงามมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแต่ละเดือน
ไม่เพียงแต่เป็นนิตยสารที่เต็มไปด้วยสาระความรู้เท่านั้น นิตยสาร IS AM ARE ครอบครัวพอเพียง ยังเป็น “นิตยสารเพื่อสังคม” ฉบับแรกของประเทศไทย ที่ได้เห็นคุณค่าของ “การอ่าน” และ “ความขาดแคลน” ของนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร จึงเปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้มีโอกาสทำบุญร่วมกับนิตยสารผ่านโครงการ “ทานปัญญา” ซึ่งเป็นการสมัครสมาชิกเพื่อมอบให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ การสมัครสมาชิก นั้นกระทำโดยการบริจาค เข้าบัญชี มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด เพื่อการสนับสนุนโครงการฯ และใบเสร็จรับเงิน สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายเพื่อการลดหย่อนภาษาได้เต็มวงเงินที่บริจาคมา

http://www.ariyaplus.com/index.php/isamarebooks

ครอบครัวที่อบอุ่น

            ครอบครัวที่อบอุ่นสามารถสร้างสมาชิกที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การ งานมีบุคลิกภาพที่มีคุณลักษณะที่ดีเป็นที่พึงประสงค์ของสังคมให้เกิดขึ้นได้  ดังนี้
            ๑.  การอบรมเลี้ยงดูทำให้ได้รับการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีงาม  ทำให้มีจริยธรรมและคุณธรรม  มีจิตสำนึกและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่  ทำให้เป็นคนมีความสุขในการดำเนินชีวิต
            ๒.  จากการเลียนแบบอย่างที่ดีของครอบครัว  ทำให้เกิดการเรียนรู้และการปรับตัวตั้งแต่ยังเด็ก  รู้จักบทบาทและการวางตัว  ทำให้มีพฤติกรรมการแสดงออกที่เหมาะสม  เมื่อโตขึ้นจึงมีพฤติกรรมที่ดีเป็นที่ชื่นชอบในสังคม
            ๓.  การส่งเสริมให้มีการพัฒนาการได้อย่างเหมาะสมตามวัย  ทำให้มีความพร้อมทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ  เป็นสมาชิกที่มีคุณภาพของสังคม
            ๔.  ความรักความเอาใจใส่  รวมทั้งความเข้าใจที่ได้รับจากครอบครัวที่มีการเลี้ยงดูอย่างรักใคร่ใกล้ชิด  พ่อแม่ผู้ปกครองมีความอดทนสม่ำเสมอ  เปิดโอกาสให้ได้คิดและแสดงออกอย่างเหมาะสม  สร้างความอบอุ่นทางใจ  ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง  จึงประสบความสุขและความสำเร็จในอนาคต
            ๕.  การได้ฝึกความรับผิดชอบ  เข้าใจระเบียบ  มีวินัยในตนเอง  ภายใต้การแนะนำที่ถูกต้องเพื่อให้อยู่ในกฎเกณฑ์ของสังคมได้  เมื่อโตขึ้นจึงเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกที่ดี  รู้จักกาลเทศะ  มีสัมมาคารวะและมีศีลธรรม รู้หน้าที่และบทบาทของตน  เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศต่อไป
            ๖.  การได้รับการส่งเสริมให้รู้จักพึ่งตนเอง  มีความรับผิดชอบ  ได้ฝึกเรื่องของกระบวนการคิด  มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้  อันเป็นผลให้เกิดความสำเร็จในงานที่ทำ  เมื่อโตขึ้นจึงจะประสบความก้าวหน้าในชีวิตการงานและครอบครัว
            ปัจจุบันบุคคลที่ประสบความสำเร็จ  คือ  ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง  มีพื้นฐานทางจิตใจมั่นคง  มีความเชื่อมั่นในตัวเอง  รู้จักกาลเทศะ  มีวินัย  รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ  และมีส่วนร่วมต่อสังคม  การมีคุณลักษณะเหล่านี้ได้จากพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ  และพัฒนาขึ้นตามวัย  เพราะบทบาทต่างๆ ในครอบครัวเป็นบทบาทที่จำลองจากสังคมใหญ่  พ่อแม่ที่แนะนำลูกด้วยความรักและความผูกพัน  มีความเข้าใจกัน  เด็กๆ  ก็จะโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ  ครอบครัวจึงเป็นสถาบันเล็กๆ  แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะสร้างคนที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้น  และในเมื่อสังคมประกอบด้วยครอบครัวจำนวนมาก  แต่ไม่ได้มีทุกครอบครัวที่อบอุ่น  เราจึงต้องทำความเข้าใจกับบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคนเพื่อเพิ่มปริมาณครอบ ครัวที่อบอุ่นให้มากขึ้น  ทั้งนี้ก็เพื่อให้สังคมสืบเนื่องไปถึงประเทศ  เป็นสังคมที่เจริญก้าวหน้าและมีแต่ความสงบสุข

บทบาทในการปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี

            ลูกที่ดีควรจะช่วยทำให้พ่อแม่มีพลังและกำลังใจต่อสู้ชีวิตต่อไป  เพราะกว่าจะโตพอที่จะรับภาระต่อจากพ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  ได้ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนาน  ลูกที่ดีจึงต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่ผู้ปกครองตั้งแต่วัยเด็ก  เช่น
            ๑.  แสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  โดยการปรนนิบัติรับใช้อย่างเต็มใจทุกโอกาสที่ทำได้  รับผิดชอบงานส่วนตัว  นอกจากนั้นควรอาสาช่วยงานของครอบครัวเท่าที่สามารถจะทำได้  เพื่อให้พ่อแม่สบายใจว่าต่อไปข้างหน้าลูกจะช่วยเหลือตนเองได้  การปฏิบัติเหล่านี้ผู้ใดที่พบเห็นย่อมมีความชื่นชม  พ่อแม่ผู้ปกครองย่อมภูมิใจที่มีลูกหลานดี  ทำให้มีความสุข
            ๒.  ควรรู้ว่าพ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  ต้องทำงานด้วยความเหนื่อยยาก  ไม่ควรเรียกร้องและต้องการสิ่งใดที่เกินความจำเป็น  เพราะจะทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์
            ๓.  จะต้องปฏิบัติตนให้ห่างไกลจากเรื่องที่จะทำให้พ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  เดือดร้อนและเกิดความเสียหาย  โดยปฏิบัติดังนี้
                  ๓.๑  คบเพื่อนที่ดี  ชักชวนกันทำในสิ่งที่ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในทางที่ดี มีศีลธรรม
                  ๓.๒  กระตือรือร้นในการเรียน  สนใจใฝ่หาความรู้ด้วยการอ่านหนังสือต่างๆ  และติดตามข่าวสาร  รวมทั้งค้นคว้าจากสื่ออื่นๆ  เช่น  อินเทอร์เน็ต  เป็นต้น  ด้วยความขยันหมั่นเพียรสม่ำเสมอ  เพื่อทำให้พ่อแม่ (ผู้ปกครอง)  ภูมิใจในตัวลูกหลาน
                  ๓.๓  ต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  ด้วยความรักและเคารพ  เพราะเข้าใจในความปรารถนาดี มุ่งหวังให้ลูกหลานนำไปปฏิบัติเพื่อความสำเร็จในอนาคต
                  ๓.๔  ควรมีพฤติกรรมการแสดงออกกับพ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  ด้วยความอ่อนน้อมทั้งในด้านการใช้ภาษาและมีกิริยามารยาทตามระเบียบประเพณีไทยให้พ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  ได้ชื่นใจ
                  ๓.๕  ควรมีระเบียบวินัย  ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่พ่อแม่  (ผู้ปกครอง)  ได้สั่งสอนอบรม  ซึ่งจะทำให้พ่อแม่ (ผู้ปกครอง) วางใจได้ว่าลูกหลานจะมีความประพฤติดีและเป็นที่ยอมรับของสังคมในอนาคต
                  ๓.๖  ลูกหลานที่ดีจะต้องเห็นความสงบสุขในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ  ลูกๆ  จะต้องไว้วางใจกัน   ไม่เอาเปรียบกัน  และต่างช่วยเหลือกันและกัน  พี่ทำหน้าที่ดูแลน้อง  ส่วนน้องก็ต้องเคารพและเชื่อฟังพี่  มีความสามัคคีในหมู่พี่น้อง  มีความรักความผูกพันกัน  พ่อแม่ผู้ปกครองก็จะสบายใจ  โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากความเครียดความกังวลก็หายไป  ทำให้มีอายุยืนได้อยู่ดูความสำเร็จของลูกหลานได้อีกนาน
            เมื่อครอบครัวประกอบด้วยสมาชิกที่มีความรักความผูกพันกัน  ต่างก็ห่วงใยซึ่งกันและกัน  ครอบครัวนั้นก็จะมีแต่ความสุข เป็นครอบครัวที่อบอุ่น  ทำให้สังคมมีแต่ความสงบสุขและความเจริญ



แหล่งที่มา:http://www.maceducation.com/e-knowledge/2364203110/02.htm

ลักษณะของครอครัวที่ดี



ลักษณะของครอบครัว และครอบครัวที่ดี


ลักษณะของครอบครัวในสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการใช้ชีวิตประจำวัน และสภาพของสังคม สังคมเมืองและสังคมชนบทก็จะมีลักษณะของครอบครัวที่แตกต่างกัน ลักษณะของครอบครัวนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ ครอบครัวเดี่ยว และครอบครัวขยาย
ครอบครัวเดี่ยว คือ ครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และ ลูก ซึ่งครอบครัวลักษณะนี้มักจะพบในสังคมเมือง
ครอบครัวขยาย คือ ครอบครัวที่สมาชิกครอบครัวมีมาแต่เดิม โดยอาจจะมีปู่ย่า หรือตายาย หรือญาติคนอื่นๆ อาศัยรวมกับพ่อแม่และลูกหลาน ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่มักจะพบในสังคมชนบทและชานเมือง
ลักษณะของครอบครัวที่ดี นั้นสมาชิกในครอบครัวควรมีชีวิตที่มีความสุข และมีสุขภาพดีทั้งทางกายและทางจิตใจ โดยสามารถทำได้ดังนี้
1 มีความรักและความห่วงใยซึ่งกันและกัน
2 มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย ไม่ปิดบัง และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
3 เห็นแก่ประโยชน์ของครอบครัวมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องรู้จักเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว
4 มีความซื่อสัตย์และไว้วางใจกัน จะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น รู้จักยอมรับผิดและให้อภัยแก่ผู้ทำผิด
5 ทำกิจกรรมร่วมกันอยู่เสมอ จะทำให้เกิดความอบอุ่น และความสามัคคีภายในครอบครัว ทำให้สมาชิกในครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แหล่งที่มา:http://www.thaieditorial.com/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3/

ข้อดีของการแต่งงาน

5 เหตุผลดี ๆ ที่ได้จากการแต่งงาน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแต่งงาน

          การแต่งงาน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ในชีวิตของคนเรา เพราะมันหมายถึงการที่เราจะต้องอยู่กับคนที่เรารักตลอดไปตราบชั่วชีวิต ถ้าคุณคิดว่ายังไม่มั่นใจว่าจะก้าวไปจุดนั้นได้ เราขอแนะนำ 5 เหตุผลดี ๆ ที่ควรจะแต่งงานมาช่วยให้คุณตัดสินใจดังนี้

 1. การแต่งงานเป็นมากกว่าความปรารถนาทางเพศ
          ชายโสดมักตื่นเต้นกับการมีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนและการได้ควงสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้า ส่วนชายที่แต่งงานแล้วจะมีความสัมพันธ์ได้แค่ภรรยาตัวเอง ซึ่งชายที่แต่งงานแล้วจึงมีความต้องการมากกว่าชายโสด และทำให้คู่รักรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกได้มากกว่า จากการวิจัยเผยให้เห็นว่าระดับความพอใจทางเพศของชายที่แต่งงานแล้วจะสูงกว่าชายโสดที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแต่งงาน

 2. การแต่งงานเป็นจุดเริ่มสำคัญในการสร้างครอบครัว
          เห็นอย่างได้ชัดเลยว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากแต่งงานและไม่อยากมีบุตร แต่การแต่งงานเป็นรากฐานสำคัญที่สุดในการสร้างครอบครัวที่มั่นคงและมีทายาทสืบเชื้อสายต่อไป

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแต่งงาน


 3. การแต่งงานสามารถช่วยเกื้อหนุนด้านการเงิน
          มีสิ่งมากมายที่คู่รักที่แต่งงานจะคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนกันในด้านการเงิน เช่น ค่าลดหย่อนภาษี ค่าประกันสุขภาพ และค่าใช้จ่ายด้านการเงินอื่น ๆ ยิ่งถ้าคู่สามีภรรยาทำงานด้วยกันทั้งคู่แล้วล่ะก็ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะซื้อสิ่งของที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยตัวคนเดียว อาทิ บ้านหลังใหม่ รถคันใหม่ หรือไปเที่ยวในสถานที่ดี ๆ เป็นต้น พูดง่าย ๆ เลยคือ การแต่งงานช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นนั่นเอง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแต่งงาน
 4. การแต่งงานสามารถช่วยให้สุขภาพดี
          จากการวิจัยพบว่าผู้ชายที่แต่งงานแล้ว จะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยน้อยลง เช่น เลิกดื่มเหล้าหนัก ๆ ไม่ทำอาชีพหรืองานอดิเรกที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้ ผู้ชายที่แต่งงานแล้วมักจะเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพบ่อยกว่าปกติ รวมทั้งมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายดีกว่าเก่า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มเป็นโรคอื่น ๆ น้อยลงด้วย เช่น ปัญหาเรื่องความดันโลหิต คลอเรสเตอรอล หรือน้ำหนักเป็นต้น

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแต่งงาน

 5. การแต่งงานทำให้คุณมีความสุขมากเป็นพิเศษ
     การมีชีวิตแต่งงานที่ดีช่วยให้ผู้ชายมีความรู้สึกมั่นคงมากขึ้น และมีโอกาสจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าเดิม จากการวิจัยพบว่า ผู้ชายจะประสบความสำเร็จมากขึ้นเมื่อได้แต่งงาน และเมื่อมีภรรยาที่ดีก็ทำไห้ชีวิตดีขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายคุณเหลือเกินในการเรียนรู้ความหมายของคำว่า การเสียสละตัวเอง และ การประนีประนอม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปแต่งงาน

          การแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่คิดจะสร้างครอบครัว ลงหลักปักฐาน เพราะการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคนมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งต่อตัวเองและภรรยา ซึ่ง 5 เหตุผลที่กล่าวมานั้น เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่จะช่วยให้หนุ่ม ๆ อย่างเราฉุกคิดและหันกลับมาพิจารณาเรื่องการแต่งงานในมุมมองใหม่ที่ต่างจากเดิม อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องมีความพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่แล้วจริง ๆ ไม่ใช่ว่าแต่งเพราะว่ามีข้อดีมากมายให้กับตัวคุณเท่านั้น แต่อย่าลืมนึกถึงความสำคัญของ "ภรรยา" ผู้ที่ช่วยเข้ามาเติมเต็มชีวิตคุณให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยนะครับ

แหล่งที่มา:http://men.kapook.com/view43208.html

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การเลือกคู่ครองและการวางแผนครอครัว




วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554



การเลือกคู่ครอง
               ไม่ใช่ความรัก ความชอบเกิดขึ้นได้และอาจเปลี่ยนไปในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่ยืนนาน 
จุดเริ่มต้นที่สำคัญของชีวิตสมรส  คือ การเลือกคู่ครอง เพราะการตัดสินใจในการเลือกคู่ครองนั้น เป็นการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิตของคนเรา ผลจากการตัดสินใจในการเลือกคู่ครอง หมายถึง ความสุขความสมหวังหรือความล้มเหลวในชีวิตของคู่สมรส ฉะนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานเราควรคิดอย่างรอบคอบและเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม เพราะการวางรากฐานที่มั่นคงหรือการตั้งต้นที่ดีนั้น หมายถึง ได้ประสบความสำเร็จในชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่งนั่นเอง
การเลือกคู่ครองนับได้ว่าเป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เป็นเรื่องของโชคหรือดวงชะตาแต่อย่างใด การเลือกคู่ครองจึงควรใช้เหตุผลมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ โดยพิจารณาคุณสมบัติพื้นฐานของผู้ที่จะได้รับเลือก เพื่อคาดหวังผลสำเร็จในอนาคตโดยอาศัยหลักการที่ว่า การค้นพบสิ่งที่อาจทำให้ผิดพลาดได้ก่อน ย่อมดีกว่ามาพบในภายหลังเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินไปแล้ว

เมื่อคนเราเกิดความสนใจต่อเพศตรงข้ามและเริ่มปรับตัวเข้ากับเพศตรงข้ามแล้ว ความพึงพอใจหรือความสนใจเป็นพิเศษที่มีต่อเพศตรงข้ามจะเกิดขึ้นตามมา วัยรุ่นส่วนมากมักคิดว่าความพึ่งพอใจที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความรักที่ตนมีต่อเพศตรงข้าม ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วความพึงพอใจกับความรักนั้น แตกต่างกัน
ความพึงพอใจ หมายถึง การสะดุดตาสะดุดใจในรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง หรือลักษณะที่น่าประทับใจบางอย่างในบุคคลที่เราสนใจ ทำให้เกิดความรู้สึกคลั่งไคล้ นึกถึงอยู่ตลอดเวลา ความพึงพอใจมักจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างไรก็ตามความพึงพอใจอาจเป็นแนวทางเบื้องต้นที่จะทำให้เกิดความรักได้
ความรัก เป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่แสดงต่อบุคคลหรือสิ่งของ การแสดงออกของความรักจะเป็นความปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ๆ และช่วยเหลือทำงานให้กลับคนที่เรารัก ความรักมีหลายประเภท เช่น รักตนเอง รักเพื่อน รักเพื่อนต่างเพศ ความรักเป็นความรู้สึกที่ฝังอยู่ในจิตใจอย่างมั่นคงและเปลี่ยนแปลงได้ยาก
ความรักเป็นสิ่งเริ่มต้นที่จะชักจูงให้ชายและหญิงต้องการใช้ชีวิตร่วมกัน และเป็นสิ่งเชื่อมความรู้สึกของคน คนไว้ด้วยกัน ผู้ที่จะเลือกมาเป็นคู่ครองจึงควรเป็นผู้ที่ตนรักและรักตน ผู้ที่มีความรักให้แก่กันอย่างแท้จริงจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแต่งงานกัน
หลักทั่วไปในการเลือกคู่ครอง
ในการเลือกคู่ครอง นอกจากจะพิจารณาพื้นฐานด้านความรักที่ชายและหญิงมีให้แก่กันและกันแล้ว ควรพิจารณาองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย ดังนี้
1. เชื้อชาติ โดยทั่วไปคนเชื้อชาติเดียวกันย่อมมีภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่เหมือนกัน คู่ครองที่มีเชื้อชาติเดียวกันจึงมักจะเข้าใจกันได้ง่าย ถ้าหากเป็นคนละเชื้อชาติก็อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งไม่เข้าใจกัน และอาจเกิดปัญหาการอพยพหรือย้ายกลับภูมิลำเนากับคู่สมรส ทำให้ชีวิตคู่ต้องแยกหรือพลัดพรากจากกันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม คู่สมรสที่มีเชื้อชาติต่างกันก็ไม่ใช่ว่าชีวิตสมรสจะล้มเหลวเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่การปรับตัวของคู่สมรส ถ้าได้ใช้ความพยายามอย่างแท้จริงในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขได้
2. ศาสนา เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ศาสนาทุกศาสนามีจุดมุ่งหมายในการ อบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี ละเว้นความชั่ว ส่วนหลักการและพิธีกรรมต่างๆ ของแต่ละศาสนาย่อมมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ถ้าหากคู่สมรสนับถือศาสนาเดียวกัน ความเชื่อถือศรัทธาและการปฏิบัติตนตามพิธีกรรมทางศาสนาก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่หากนับถือศาสนาต่างกันก็อาจจะมีปัญหากระทบต่อการดำเนินชีวิต เช่น คนหนึ่งจะไปวัดอีกคนไปโบสถ์ หรือเกิดปัญหาข้อขัดแย้งว่าจะให้บุตรที่เกิดมานับถือศาสนาอะไร เป็นต้น การตัดสินใจเลือกคู่ที่นับถือศาสนาต่างกันจึงจำเป็นต้องพยายามปรับตัวเข้าหากัน และไม่ควรนำประเด็นทางศาสนามาเป็นข้อโต้แย้งว่าศาสนาของงใครดีกว่าของใคร เพราะปัญหานี้ไม่มีข้อสรุปและอาจนำไปสู่ความแตกแยกในชีวิตสมรสได้ง่าย
3. การศึกษา การที่คู่สมรสมีระดับการศึกษาสูงหรือจบปริญญา แม้จะไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จของชีวิตสมรสได้อย่างแน่นอนก็จริงอยู่ แต่จากตัวอย่างชีวิตสมรสจำนวนมากได้ชี้ให้เห็นว่า คนที่มีการศึกษาสูงมีแนวโน้มในการประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่าคนที่มีการศึกษาต่ำ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าการศึกษาช่วยทำให้บุคคลเจริญงอกงามทั้งทางร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคมและสติปัญญา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชีวิตสมรสหรือชีวิตครอบครัวเป็นอย่างมากและจากการศึกษาวิจัยโดยทั่วไปมักพบว่า คู่สมรสที่มีสติปัญญาและระดับการศึกษาใกล้เคียงกันมักจะมีโอกาสประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตสมรสมากกว่าคู่สมรสที่มีระดับการศึกษาต่างกันมาก เพราะระดับการศึกษาที่ใกล้เคียงกันจะช่วยทำให้คู่สมรสพูดจากันรู้เรื่องและเข้าใจกันได้ง่าย แต่หากคู่สมรสมีระดับการศึกษาต่างกัน ฝ่ายชายควรจะเป็นฝ่ายที่มีการศึกษาสูงกว่า ถ้าฝ่ายหญิงมีการศึกษาสูงกว่าฝ่ายชายมาก อาจทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัวของฝ่ายชายได้
4. ฐานะทางเศรษฐกิจ ความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจหรือฐานะการเงินนับเป็นข้อที่ควรพิจารณาอีกประการหนึ่งในการเลือกคู่ เพราะถ้าคู่สมรสมีฐานะทางการเงินไม่ดีการหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ในขณะที่ครอบครัวต้องขยายตัวออกไป สมาชิกใหม่ในครอบครัวก็จะต้องเพิ่มขึ้น อาจมีผลกระทบให้เกิดปัญหาชีวิตครอบครัวได้ เว้นเสียแต่คู่สมรสนั้นจะต้องทำงานหนักเพื่อเพิ่มพูนรายได้และรู้จักประหยัดในการใช้จ่าย จึงจะทำให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
5. บุคลิกภาพ คนเรามีบุคลิกภาพไม่เหมือนกัน บุคลิกลักษณะที่เป็นเสน่ห์อยู่ในตัวบุคคลก็แตกต่างกันออกไปด้วย เช่นขนาดของร่างกาย รูปร่าง หน้าตา กิริยาท่าทาง ท่วงทีวาจาอุปนิสัยใจคอ ความสนใจ ค่านิยม รสนิยม อุดมคติ ความประพฤติ ฯลฯ ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างพันธุกรรม และประสบการณ์ทั้งหมดของแต่ละบุคคลเมื่อคนเราจะเลือกคู่ครองจึงจำเป็นจะต้องพิจารณาบุคลิกภาพ บุคลิกลักษณะของผู้ที่จะมาเป็นคู่ครอง หรือคู่ชีวิตของตนเองในอนาคตด้วยว่าบุคลิกภาพและบุคลิกลักษณะดังกล่าว เหมาะสมกับตนหรือไม่ ตนพอใจยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันในชีวิตสมรสหรือไม่ ดังนั้นการศึกษาเรื่องบุคลิกภาพของคู่ครองก่อนแต่งงานจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และชีวิตสมรสที่มีความสุขจะต้อง ประกอบด้วยบุคลิกภาพของชายและหญิงที่เข้ากันได้ และจะต้องทราบอุปนิสัยใจคอต่างๆ ของคู่สมรสก่อนแต่งงาน แม้ว่าบุคลิกภาพของคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของอีกฝ่ายหนึ่งภายหลังการแต่งงานกันแล้ว ก็อาจจะเสี่ยงต่อความผิดหวังในชีวิตสมรสได้ ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ
6. วุฒิภาวะทางอารมณ์ การที่ร่างกายของชายและหญิงเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่และพร้อมที่จะให้กำเนิดบุตรได้ มิได้หมายความว่า บุคคลผู้นั้นพร้อมที่จะแต่งงาน หรือมีครอบครัวได้ การแต่งงานหรือการสมรสจำเป็นต้องอาศัยความเจริญเติบโตของจิตใจ หรือความมีวุฒิภาวะทางอารมณ์เป็นหลักสำคัญประกอบด้วย เพราะผู้ที่บรรลุวุฒิภาวะทางอารมณ์ย่อมเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวให้มีความสุขกับครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ความสามารถในการปรับตัวนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับชีวิตสมรสที่ประสบความสำเร็จ
บุคคลที่มีวุฒิภาวะอารมณ์ อาจสังเกตได้จากพฤติกรรมเหล่านี้
-  เป็นผู้ที่รู้จักและเข้าใจตนเองได้ดี
-  เป็นผู้รู้จักและเข้าใจผู้อื่นได้ดี
-  เป็นผู้ที่สามารถเผชิญกับความจริงแห่งชีวิตได้ดี
-  ตัดสินใจได้เอง เมื่อทำผิดก็ยอมรับผิด
-  มองอนาคตด้วยความหวัง และเต็มใจรอคอย
-  เข้าใจและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล
-  มีจิตใจมั่นคง และไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ได้ง่าย
-  มีอารมณ์ขัน และมองโลกในแง่ดี
-  ยอมรับกติกาหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคม
-  มีความสุขุมรอบคอบ รู้จักเหตุผล และรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว
-  รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบสูง
-  สามารถประเมินผลการกระทำของตนเองได้
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อวุฒิภาวะทางอารมณ์ของบุคคลได้แก่ อายุ ผู้ที่มีอายุมากจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์มั่นคงกว่าผู้ที่มีอายุน้อย และจากการศึกษาพบว่า อายุที่เหมาะสมกับการมีคู่ครองนั้นผู้ชายควรจะมีอายุระหว่าง 27-30 ปี ผู้หญิงควรมีอายุระหว่าง 21-25 ปี และไม่ควรแตกต่างกันเกิน 10 ปี เพราะความต่างวัยจะทำให้คู่สมรสปรับตัวเข้าหากันได้ยาก เนื่องจากความต้องการและความสนใจในกิจกรรมต่างๆ แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งในชีวิตสมรสได้
7. สุขภาพ สุขภาพย่อมมีความสำคัญต่อบุคคล ผู้ที่มีสุขภาพดีนับว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ดังพุทธภาษิตที่กล่าวว่า อโรคยา ปรมาลาภา” สุขภาพเปรียบเหมือนวิถีทางหรือหนทางที่จะนำบุคคลไปสู่ความสุข และความสำเร็จต่างๆ ในชีวิตการทำงานและชีวิตการสมรส ดังนั้นผู้ ที่เราจะเลือกเป็นคู่ครองควรเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อนการแต่งงานจึงควรให้แพทย์ตรวจสุขภาพของชายและหญิงว่ามีโรคใดบ้างที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อชีวิตการสมรส เช่น การตรวจหมู่เลือด หรือการผิดปกติเกี่ยวกับเลือด และโรคที่สามารถถ่ายถอดทางพันธุกรรม และหากพบว่ามีโรคภัยไข้เจ็บก็ควรได้รับการรักษาให้หายเสียก่อน

การเลือกคู่ครองที่ดี
พื้นฐานอันมั่นคงที่จะทำให้อยู่ครองเรือนอยู่กันได้ยืดยาวเรียกว่าสมชีวิธรรมมี ๔ ประการคือ
            ๑ สมศรัทธา มีศรัทธาเสมอกันหนักแน่เสมอกันปรับตัวเข้าหากันลงได้
            ๒ สมสีลา มีศีลเสมอกัน คือความประพฤติจรรยา มารยาท พื้นฐานการสอดคล้องกันไปได้
            ๓ สมจาคา มีจาคเสมอกัน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีใจกว้างพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
            ๔ สมปัญญา ปัญญาสมกัน รู้เหตุรู้ผลเข้าใจกันอย่างน้อยพูดกันรู้เรื่อง
การวางแผนครอบครัว

สถานบันครอบครัวจัดว่าเป็นสถาบันที่เล็กที่สุด แต่มีความสำคัญมากที่สุดเหมือนกับ สมาชิกในครอบครัวนั้นจะสุขหรือทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนครอบครัวซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของคนทุกคนที่จะต้องนำไปใช้เพื่อคุณภาพของคนในครอบครัว
การวางแผนครอบครัว เป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ครอบครัวมีความพร้อมในทุกด้าน เริ่มแต่การเลือกคู่ครอง ความพร้อมด้านที่อยู่อาศัย และอาชีพ การเงิน รวมไปถึงการแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการวางแผนครอบครัว เพราะคู่สมรสนั้นจะต้องวางแผนล่วงหน้าว่าจะมีลูกกี่คน เว้นช่วงระยะห่างการมีลูกอย่างไรให้เหมาะสม การเป็นพ่อแม่ที่ดีควรปฏิบัติอย่างไร เลี้ยงลูกอย่างไรให้ถูกวิธีให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุข มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ อันจะนำไปสู่การกินดีอยู่ดีในสังคม หากขาดการวางแผนครอบครัวที่ดีแล้วย่อมทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย เช่น การหย่าร้าง เด็กขาดความรักความอบอุ่น ปัญหาอาชญากรรมต่างๆ เป็นต้น เพราะในยุคปัจจุบันสภาพสังคม ภาวะเศรษฐกิจนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆในครอบครัว

องค์ประกอบของการวางแผนครอบครัว
1. การเลือกคู่ครอง
เป็นการที่จะเริ่มต้นของการที่จะมีครอบครัวที่ดีการเลือกคู่ครองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากก็ว่าได้ เพราะการเลือกคู่ครองของคนสมัยนี้จะเลือกตามอารมณ์และความรู้สึกกันเป็นส่วนใหญ่  แต่ไม่นึกถึงความเป็นจริง ครั้นเมื่ออายุมากสังขารก็เปลี่ยนสภาพตามกาลเวลา หากไม่มีความเข้าใจซึ่งกันและกันแล้ว การหย่าร้างก็จะตามมา ทั้งนี้ การเลือกคู่ครองที่ถูกต้องนั้น เริ่มแรกคือใจต้องรักกันก่อน จากนั้นต้องมีการวางเป้าหมายในชีวิตร่วมกันต่อไป 
2. การเตรียมความพร้อมด้านที่อยู่อาศัย และอาชีพ
ที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ฉะนั้นจะต้องตกลงกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานเช่น แยกมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง หรืออยู่กับครอบครัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผล และความจำเป็นของทั้งสองฝ่าย สำหรับอาชีพควรมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้แน่นอน และเพียงพอที่จะดูแลครอบครัวได้
3. การแต่งงาน
เป็นประเพณีที่แสดงถึงการประกาศให้สังคมรับรู้ถึงการตกลงใจในการใช้ชีวิตร่วมกันของชายหญิง ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น และการจดทะเบียนสมรสเพื่อสิทธิตามกฎหมายของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม พิธีแต่งงานควรเป็นไปตามฐานะของคู่บ่าวสาวและไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
4. การปรับตัวเข้าหากัน
การที่คนสองคนซึ่งแตกต่างกันในที่มา นิสัยใจคอจะตกลงมาใช้ชีวิต อยู่ร่วมกันได้นั้น การปรับตัวเป็นเรื่อง สำคัญอย่างยิ่ง การที่คู่รักรู้จัก "การเสียสละ" จะช่วยพัฒนาความรักที่มีต่อกันให้ยืนยาวตลอดไป

5. การเงิน
คู่บ่าวสาวจำเป็นต้องนำเงินเดือนของเราทั้งสองคนมารวมกันก่อนเพื่อให้รู้รายรับที่แน่นอนของครอบครัว จากนั้น ให้เขียนถึงรายจ่ายของครอบครัวในหนึ่งเดือน และควรทำตารางรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน
6. การวางแผนมีบุตร และการเว้นช่วงการมีบุตร
คือการเตรียมความพร้อมสำหรับมีบุตรว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วต้องการจะมีบุตรกี่คน และเว้นระยะห่างกันนานแค่ไหน เลือกวิธีอะไรจึงจะมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการคุมกำเนิด การวางแผนการเงิน และการวางอนาคตบุตร ตลอดจนการเว้นช่วงการมีบุตร เพื่อให้ผู้เป็นแม่ได้พื้นฟูสุขภาพร่างกาย ก่อนการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป  ที่สำคัญก็คือไม่ควรมีบุตรเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือถี่เกินไป จะทำให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น แก่ลูกได้อย่างทั่วถึง
7. การเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ที่ดี
เพื่อให้บุตรเติบโตมาเป็นคนดี มีคุณภาพ และมีความสุข ผู้ที่เป็นพ่อแม่จะต้องต้องเตรียมตัวที่จะปฏิบัติตนเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับบุตรโดยประพฤติอยู่ในศีลธรรมอันดี มีหลักการในการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงและการอบรมแก้ไขบุตรให้ดีต่อไปในอนาคต
การวางแผนครอบครัวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำพาครอบครัวไปสู่ความสุข สร้างคนให้มีคุณภาพเป็นการเปิดโอกาสให้คู่สามีภรรยาได้พัฒนาตนเองอย่างเท่าเทียมกัน โดยการจัดสรรเวลาที่เหมาะสม ในการทำงานและครอบครัว
ความสำคัญในการวางแผนครอบครัว
1. ช่วยให้คู่สมรสที่เพิ่งแต่งงานกันได้มีโอกาสในการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันก่อนมีลูก เป็นการลดปัญหาเรื่องการหย่าร้าง
2. ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี ลูกมีโอกาสได้รับศึกษาสูง
3. คู่สมรสสามารถเว้นช่วงการมีลูก หรือจำกัดขนาดของครอบครัวได้
4. คู่สมรสสามารถสร้างฐานะการเงินให้มั่นคงได้
5. สุขภาพของครอบครัวไม่ทรุดโทรม ทุกคนสามารถดูแลกันได้อย่างทั่วถึง
กิจกรรมที่ต้องดำเนินการในการวางแผนครอบครัว
1. ป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนา
2. ให้การรักษาการเป็นหมัน
3. ให้คำแนะนำก่อนการสมรส
4. ให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์และให้บริการการคลอดบุตร
5. ให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว
เมื่อไร...ควรมีลูก
คู่สมรสควรมีความพร้อมทางด้านกายและจิตใจ
อันดับแรกเราควรที่จะพร้อมทั้งด้านร่างกายก่อนว่าสุขภาพของเราต้อนนี้ดีพร้อมที่จะตั้งครรภ์ลูกน้อยหรือยัง โดยเฉพาะสุภาพสตรี ควรไปปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจร่างกายดูสุขภาพทั่วไป โรคประจำตัว ตรวจทั้งการเพาะเชื้อจากปากมดลูก ตรวจมะเร็งปากมดลูก รวมทั้งการตรวจหาภูมิต้านทานโรคหัดเยอรมัน และไข้สุกใส หากไม่มีภูมิคุ้มกันเหล่านี้ แพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีก เดือนจึงจะตั้งครรภ์ได้
นอกจากนี้ ก็ควรดูที่จิตใจของเราว่าตอนนี้อยู่ในสภาพอะไร ดีหรือไม่ดี สำหรับท่านที่ดื่มสุรา ติดยาเสพติด และสูบบุหรี่ (รวมทั้งสตรีที่สามีสูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน) ควรจะละหรือเลิกเสียก่อน เพราะจะทำให้ตั้งครรภ์ยาก และหากตั้งครรภ์ก็อาจจะมีผลเสียต่อเด็กในครรภ์
คู่สมรสควรมีความพร้อมในการปรับตัว
ชีวิตของเราเป็นอย่างไรเมื่อครั้งก่อนนั้น มันอยู่ในสภาพแบบไหน ถ้าชีวิตที่ยังชอบสนุกสนานอยู่ก็ไม่ควรที่จะมีลูก แต่ถ้าชีวิตพร้อมที่จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นก็ควรที่จะลืมชีวิตแบบเก่าเสีย แล้วจึงตัดสินใจที่จะมีลูก และจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัว และเปลี่ยนแปลงชีวิต เป็นแบบอย่าง เพื่อจะได้สอนลูกตามหลักการของพ่อแม่ที่ดีต่อไป
สุขภาพร่างกายของภรรยา ต้องแข็งแรงทั้งสุขภาพกายและจิตใจ
ความแข็งแรงของร่างกายจะช่วยให้คุณผู้หญิงตั้งครรภ์และคลอดอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ มีการศึกษาว่า หากออกกำลังตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ และระหว่างการตั้งครรภ์ จะทำให้คลอดได้ง่าย รวมถึงการควบคุมน้ำหนักไม่ให้มาก หรือน้อยกว่า 15% ของน้ำหนักมาตรฐาน จะทำให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี หากคุณน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐานเกิน15% แสดงว่าคุณผอมเกินไป ทำให้ตั้งครรภ์ยาก ซึ่งข้อควรระวังจากผล กระทบเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในเดือนแรกๆ นั้น อาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน น้ำหนักคุณผู้หญิงจะลดลงอีก ซึ่งแนะนำว่าคุณผู้หญิงควรจะเพิ่มน้ำหนัก ก่อนการตั้งครรภ์ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ พยายามอย่าให้เครียด เพราะความเครียดจะมีผลเสียต่อการตั้งครรภ์ ทำให้ตั้งครรภ์ยาก คลอดก่อนกำหนด เด็กคลอดออกมาก็จะมีน้ำหนักน้อย
***การมีลูกถือเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ให้กับคู่สมรสอีกทางหนึ่ง ดังนั้น คู่สมรสควรมีความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งจะต้องมีฐานะที่มั่นคงพอสมควร จึงควรเก็บเงินไว้สักก้อนหนึ่งก่อนที่จะมีลูก เพื่อจะได้ไม่ขัดสน และเมื่อมีลูกออกมาแล้วนั้น ผู้เป็นพ่อแม่จะต้องดูว่าเศรษฐกิจการเงิน ของครอบครัวด้วยว่าเป็นอย่างไร โดยจะต้องจัดทำตารางรายรับรายจ่ายอยู่เสมอ เพื่อจะรู้ว่าในแต่ละครั้งเราใช้เงินมากหรือน้อย เงินพอที่จะเก็บไว้ในอนาคตหรือไม่ ต้องรู้จักการวางแผนการใช้เงินให้เป็น
ต้องให้เวลาในการเลี้ยงลูก
เพราะการเติบโตที่ดีของลูกนั้น ย่อมมาจากการเลี้ยงดูที่ดีของผู้เป็นพ่อและแม่ ที่จะต้องให้ความรัก ความอบอุ่น และการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ เพื่ออนาคตที่ดีของลูกต่อไป

แหล่งที่มา : http://taoacmo-family.blogspot.com/2011/06/blog-post.html